ใครควรอ่านหนังสือเล่มนี้

พระเยซูเจ้าตรัสถึงความเชื่อว่า “ถ้าท่านมีความเชื่อเท่าเมล็ดมัสตาร์ด และพูดกับต้นหม่อนต้นนี้ว่า ‘จงถอนรากแล้วไปขึ้นอยู่ในทะเลเถิด’ ต้นหม่อนต้นนั้นก็จะเชื่อฟังท่าน” (ลก 17:6) ความเชื่อสามารถทำได้เช่นนี้ ความเชื่อสามารถเคลื่อนภูเขาได้ ไม่มีอะไรเป็นไปไมได้สำหรับพระเจ้า…

จากประสบการณ์ที่เปรียบประทุจดังภูเขาที่ทับชีวิตของสุภาพสตรีลูกสาวของพระเจ้าคนหนึ่ง คือ คุณศรินทร เมธีวัชรานนท์ ประสบการณ์ที่เป็นความหนักอึ้งดุจภูเขาทั้งลูกทับชีวิต ภูเขาที่เกินจะสามารถเคลื่อนย้ายไปให้พ้นจากชีวิตได้ ประสบการณ์การได้รับความยากลำบาก ความอยุติธรรมบังคับให้เธอต้องออกเดินทางที่แสนยากลำบากจากบ้านเกิดเมืองนอน เพื่อหลีกให้พ้นจากความอยุติธรรมดังกล่าว ความหนักอึ้งที่เป็นดังภูเขาที่เกินเคลื่อนได้นั้นได้ทับชีวิต จิตใจ และจิตวิญญาณของเธอ ชีวิตของเธอที่ตกอยู่ในความมืดสนิท ไร้ความหวังที่จะเคลื่อนภูเขาแห่งความทุกข์นั้นให้ออกไปได้ และกล่าวได้ว่า “เป็นไปไม่ได้เลย”

ประสบการณ์ของคุณศรินทรที่ถูกบันทึกอยู่ในหนังสือภูเขาเคลื่อนได้นั้น พ่อเองได้มีโอกาสฟังการเล่าของเธอหลายครั้งก่อนที่หนังสือดังกล่าวจะถูกเขียนขึ้น… สิ่งที่พ่อแปลกใจคือทำไมพ่อไม่เบื่อที่จะฟัง พ่อได้มีโอกาสฟังคุณศรินทรเล่าแบ่งปันครั้งใดไม่ว่าโอกาสใด พ่อยอมรับว่าประสบการณ์ภูเขาเคลื่อนที่ได้นี้ได้เสริมกำลังความเชื่อแก่พ่อเองเสมอ เพราะในความสิ้นหวังของชีวิตของเธอเสริมกำลังความหวังแก่พ่อเอง และแก่คนมากมาย ทั้งในประเทศและต่างประเทศ พ่อสามารถกล่าวได้ชัดเจนว่านี่คือ “ประสบการณ์ความเชื่อที่เคลื่อนต้นหม่อนให้ถอนรากไปขึ้นอยู่ในทะเลตามที่พระเยซูมีพระบัญชาสอน และเป็นความเชื่อนี้เองที่อันที่จริงต้องกล่าวว่าเป็นไปได้ ทำให้ภูเขาเคลื่อนที่ได้อย่างแท้จริง”

เท่าที่พ่อทราบและได้ติดตามมาโดยตลอด จากประสบการณ์ภูเขาที่เคลื่อนที่ได้เพราะเสียงเรียกของพระเจ้า ทรงเรียกคุณศรินทรในค่ำคืนวันคริสตสมภพที่แสนมืดมิดและหนาวเหน็บในต่างแดน เธอคนนี้ได้ยินเสียงของพระเจ้า เรียกให้ก้าวออกจากความมืดมิดของภูเขาที่ทับชีวิต จนได้เป็นอิสระ และได้ออกมาสู่ความกล้าหาญในความเชื่อที่เคลื่อนภูเขาออกไปได้ และเสียงเรียกของพระเจ้าให้เชื่อ และการตอบรับของคุณศรินทรก่อให้เกิดความสัมพันธ์อย่างน่ารักในชีวิตตลอดมา ใน “คำภาวนา” ในบทภาวนาที่คุณศรินทรได้เขียนและแบ่งปัน มากว่าสี่ร้อยบทที่เรียกว่า “บทสวดของฉัน” (My little Prayers) ที่ได้จัดพิมพ์ไว้มาถึงเล่มที่สี่ที่จัดพิมพ์ออนไลน์ไว้นี้ สำหรับพ่อเมื่อมองย้อนกลับไปสู่ประสบการณ์ของคุณศรินทร นี่คือผลจากการ “ตกตะกอน” ของประสบการณ์ความเชื่อที่ได้เคลื่อนภูเขาออกไป และเปิดประสบการณ์ใหม่แห่งความ “สัมพันธ์และการเสวนา ภาวนา” ของเธอผู้มีประสบการณ์ความเชื่อคนนี้กับพระเจ้าของเธอเอง จนเธอเลือกที่จะเสวนาต่อเนื่องในชีวิตใน “ในบทสวดของฉันนี้” ที่ได้แบ่งปันบนโลกหนังสือออนไลน์

พ่อมั่นใจ… ความปรารถนาของคุณศรินทรที่ได้เลือกที่จะแบ่งปัน “การให้คือความรัก และความรักนี้เป็นความเป็นจริงของความเชื่อ” ดังนั้น ความเชื่อที่ทำให้ภูเขาเคลื่อนได้ บัดนี้ ใน “บทสวดของฉัน” เป็นความเชื่อที่ได้เคลื่อนความรักให้ปรากฎในคำภาวนาเล็กๆ ที่ภาวนาถึงพระเจ้าผู้ยิ่งใหญ่ด้วยหัวใจที่รัก และเป็นความรักที่สานสืบไปสู่ทุกคนรอบข้าง พ่อขอให้ “บทสวดของฉัน ลูกของพระคนหนึ่งคนนี้” จงได้ชูกำลังใจ เสริมวิญญาณ แก่ทุกคนที่ได้อ่าน ให้ได้สัมผัสรักของพระเจ้าเสมอไป

พ่อขอชื่นชมและสรรเสริญพระเจ้า ขอขอบคุณลูกของพระเจ้าคนหนึ่งคนนี้ “คุณศรินทร” ที่ได้สื่อความรักจากความเชื่อ พ่อทราบว่านี่คือโอกาสการแบ่งปันบทสวดเล่มที่สี่ให้แก่ทุกคน และทราบว่ารายได้จากหนังสือแห่งประสบการณ์ “ภูเขาเคลื่อนได้” คุณศรินทร มีเจตนาสื่อความรักจากความเชื่อนี้เพื่อสานต่อความหวังให้บรรดาเด็กยากจนและด้อยโอกาสในสังฆมณฑลเชียงราย พ่อขอสรรเสริญพระเจ้า และขอบพระคุณพระเจ้าพร้อมกับคุณศรินทรเป็นพิเศษ

คุณพ่อ สมเกียรติ ตรีนิกร

ความจริงเกี่ยวกับชีวิต

ท่านเคยคิดไหมว่า มนุษย์เราเกิดมาทำไม? ฉันเชื่อว่าคงต้องมีหลายท่านที่เคยถามคำถามนี้ แล้วท่านได้คำตอบไหม? หลายท่านอาจจะได้แล้ว ในขณะที่บางท่านอาจจะยังไม่ได้ จากประสบการณ์ของฉันเอง ผู้ที่ถามคำถามนี้กับตัวเองส่วนใหญ่จะเคยผ่านความทุกข์ยากลำบากในชีวิต ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง

ยี่สิบปีได้ถูกกระชากออกจากชีวิตของฉัน จากวัย 31 ปี ถึง 51 ปี ควรจะเป็นช่วงที่เปี่ยมไปด้วยพลังที่สุดในชีวิต แต่ฉันกลับต้องใช้ชีวิตช่วงหนึ่งในวัยนั้นในฐานะผู้ลี้ภัย และต้องใช้เวลาถึง 14 ปีเต็ม ในการต่อสู้อย่างสุดกำลังในการได้มาซึ่งความยุติธรรมในความผิดที่ฉันไม่ได้เป็นผู้กระทำ และด้วยอัศจรรย์ ฉันจึงสามารถหลุดพ้นจากบ่วงกรรมอันโหดร้ายนั้นได้ แต่ฉันต้องใช้เวลาอีก 6 ปีเต็มในการเยียวยารักษาแผลให้กับตัวเองทั้งทางร่างกายและจิตใจ ในระหว่างระยะเวลาอันทุกข์ทรมานที่ยาวนาน ฉันถามตัวเองจนเบื่อที่จะตอบว่า ฉันเกิดมาทำไม? และเป้าหมายของการมีชีวิตอยู่คืออะไร?

ในทางพุทธศาสนา มีคำตอบ พุทธศาสนิกชนเชื่อในการเวียนว่ายตายเกิด ในหลักกรรม ใครมีชีวิตเป็นเช่นไรในโลกนี้ล้วนแล้วแต่ขึ้นอยู่กับการกระทำในชาติก่อนหรือก่อนๆ ฟังแล้วเข้าใจง่าย แต่ฉันเป็นพุทธศาสนิกชนที่เปลี่ยนไปเป็นคริสตชนเพราะเกิดอัศจรรย์ที่ทำให้ฉันหลุดพ้นจากคดีอันไม่เป็นธรรมได้อย่างน่าทึ่งที่สุด พระเจ้าเท่านั้นที่จะทรงทำให้เกิดอัศจรรย์นั้นได้

ฉันเริ่มแสวงหาพระเจ้า

ฉันศึกษาพระคัมภีร์ด้วยความตั้งใจและความเชื่อความศรัทธา และเริ่มปฏิบัติตนตามพระวาจาในพระคัมภีร์นั้น ในเวลาเดียวกัน ฉันก็สวดอธิษฐานอย่างสม่ำเสมอทุกๆ วัน ในที่สุดกว่าฉันจะรู้ตัว ฉันก็ค้นพบว่าความเจ็บปวดและความทุกข์ในใจฉันได้อันตรธานสิ้น สิ่งที่มาอยู่แทนที่ในหัวใจฉันคือ พระเจ้า!

ฉันได้เข้าใจว่าพระองค์คือ ผู้ทรงสร้างสรรพสิ่งในโลกนี้รวมทั้งมนุษย์ ทุกคนเกิดมาโดยมีเป้าหมายในชีวิตแต่ละคน แต่ในที่สุดคือ การรับใช้พระองค์ เรารักเพื่อนมนุษย์ เราช่วยเหลือผู้ที่ด้อยกว่าเรา เราประกาศข่าวดี … เราปฏิบัติตามพระวาจาของพระองค์ … เหล่านี้คือ การรับใช้พระองค์

ความทุกข์คือ ส่วนหนึ่งของชีวิต แต่อย่าให้ความทุกข์ฉุดท่านให้จมลงสู่ก้นบึ้งแห่งความหมดหวัง ตรงกันข้าม ทำไมไม่หมุนกลับและนำพลังจากความทุกข์นั้นมาทำความดีเล่า? ฉันนำ 20 ปีแห่งความทุกข์ทรมานของฉันมาเป็นเรื่องราวที่จะนำผู้คนมารู้จักพระเจ้า ระหว่างทางฉันได้ค้นพบตัวเองและความหมายที่แท้จริงของชีวิต นั่นคือ การมีชีวิตอยู่ การรัก และการรับใช้

เกี่ยวกับหนังสือ

ในหนังสือ “ภูเขาเคลื่อนได้” ผู้เขียนเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวชีวิตของเธอตั้งแต่วัยเด็ก การศึกษา จนเติบใหญ่ และเขียนถึงความสำเร็จที่ไม่น่าเชื่อในวัยเพียง 25 ปีที่ได้เป็นถึงผู้บริหารระดับสูงสุดขององค์กร และต่อมาได้เป็นผู้ถือหุ้นที่ใหญ่ที่สุดของบริษัทนั้นในวัยเพียง 30 เท่านั้น

แต่ดั่งกับนวนิยายที่ผู้ประพันธ์บทชีวิตของเธอได้ตัดสินใจเปลี่ยนเนื้อเรื่องไป 180 องศา เธอถูกกล่าวหาใส่ร้ายในสิ่งที่เธอไม่ได้ทำ เรื่องราวที่เกิดขึ้นกับชีวิตเธอต่อจากนั้นน่าติดตามยิ่งกว่านวนิยาย เธอต้องใช้เวลาถึง 14 ปีในการต่อสู้เพื่อพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของเธอ และแล้ว … อัศจรรย์ก็ได้เกิดขึ้น และเธอก็ได้หลุดพ้นจากคดีและข้อกล่าวหาอย่างบริสุทธิ์ผุดผ่อง

ในระยะและเวลาอันยาวนานแห่งความเจ็บปวดและการต่อสู้ เธอได้ค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดนั่นคือ “พระเจ้า”! และชีวิตของเธอพร้อมกับทุกสิ่งทุกอย่างก็ได้เปลี่ยนไป เธอให้อภัยผู้ที่กล่าวหาเธออย่างไม่เป็นธรรมและโหดร้าย รวมทั้งสามีของเธอที่ทอดทิ้งเธอและลูกเล็กๆ อีก 4 คน ในขณะที่เธอไม่มีใครเลยและต้องการใครสักคนเป็นที่พึ่งอย่างที่สุด

ในขณะนี้ที่เธอได้ฟื้นสภาพในทุกๆ ด้าน ทั้งทางร่างกาย จิตใจ และฐานะทางการเงิน เธอจึงถวายชีวิตทั้งครบในการรับใช้พระเจ้า เพื่อตอบแทนพระคุณของพระองค์ด้วยความกตัญญูอย่างสูงสุด

อ่านเถอะค่ะ แล้วอัศจรรย์อาจจะเกิดแก่ท่าน

Image